กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยความคืบหน้าโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ เยียวยาเศรษฐกิจด้วยเกษตรกรรมยั่งยืน

   กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยความคืบหน้าโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ เดินหน้าสนับสนุนเกษตรกรทั่วประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยน้อมนำหลักปรัชญาเกษตรทฤษฎีใหม่มาเป็นแนวทาง ในขณะนี้เกษตรกรได้รับการพัฒนาให้มีความมั่นคงในอาชีพในพื้นที่ 2,159 ตำบล 508 อำเภอ 70 จังหวัดทั่วประเทศ

   นายสำราญ สาราบรรณ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 บรรเทาปัญหาการว่างงาน ลดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานภาคการเกษตรกรรมไปสู่ภาคอื่นๆ และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนในท้องถิ่นให้มีความมั่นคงในการเป็นแหล่งผลิตอาหาร มีทางเลือก มีอาหาร มีอาชีพ มีความอุดมสมบูรณ์ มีความอบอุ่นจากครอบครัว แล้วความสุขตามวิถีชีวิตพอเพียงก็จะเกิดขึ้นกับชุมชน ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เป็นทางรอดของเกษตรกรไทย เพื่อมุ่งสู่ระบบเกษตรกรรมยั่งยืน

   จากการดำเนินงานโครงการดังกล่าว ในปีงบประมาณ 2564 เกษตรกรได้รับการพัฒนาให้มีความมั่นคงในอาชีพทำเกษตรกรรมยั่งยืนและมีแปลงต้นแบบเพื่อการเรียนรู้ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ ในพื้นที่ 2,159 ตำบล 508 อำเภอ 70 จังหวัดทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2564) เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีพื้นที่กักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น มีอาชีพ มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สร้างความพึงพอใจให้กับอาชีพเกษตรกร และส่งเสริมการผลิตภาคการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

   เกษตรกรจะมีความรู้ความเข้าใจ และเรียนรู้แนวคิด หลักการ และรูปแบบของเกษตรทฤษฎีใหม่ในการบริหารจัดการน้ำ เรียนรู้การจัดทำแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยคำนึงถึงการทำการเกษตรทฤษฎีใหม่ที่สามารถสร้างแหล่งอาหารของครัวเรือน ผลผลิตที่สามารถจำหน่ายสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรและพึ่งตนเองด้านปัจจัยการผลิตให้มากที่สุด โดยขณะนี้โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ได้ดำเนินงานรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และปรากฏผลเป็นรูปธรรมในพื้นที่เกษตรกรหลายแห่งทั่วประเทศ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งจะสรุปผลสำเร็จและประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการในภาพรวมอีกครั้งหนึ่ง

   ในการดำเนินโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ระดมพลังทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นกรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง เพื่อทำงานประสานสอดคล้องกัน ให้มีประสิทธิภาพที่สุดในการสนับสนุนเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในทุกๆ ด้าน

   ในด้านการอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรในด้านเกษตรทฤษฎีใหม่ มีการดำเนินการอบรมเกษตรกรทั้งในรูปแบบปกติและการอบรมแบบออนไลน์ ซึ่งแบ่งการอบรมเป็น 4 เวที โดยเวทีที่ 1 นั้นได้มีการอบรมไปเสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด ส่วนเวทีที่ 2 และ 3 ได้อบรมไปแล้วกว่าร้อยละ 90 และเวทีที่ 4 ได้อบรมไปกว่าร้อยละ 80 ทั่วประเทศ

   ในด้านการสนับสนุนปัจจัยการผลิตก็ได้มีการสนับสนุนวัสดุปรับปรุงบำรุงดินแก่เกษตรกร เช่น น้ำหมักชีวภาพ พืชปุ๋ยสด ฯลฯ สนับสนุนพันธุ์ปลาและอาหารสัตว์น้ำ สนับสนุนพันธุ์พืช ทั้งไม้ผล เมล็ดพันธุ์ผัก สมุนไพร ฯลฯ สนับสนุนพันธุ์สัตว์ เช่น ไก่ไข่ ไก่พื้นเมือง และปัจจัยการผลิตเพื่อทำอาหารสัตว์

   นอกจากนั้นยังมีการให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่องผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบภาพยนตร์สั้น การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิทยุ บทความทางหนังสือพิมพ์ เป็นต้น รวมไปถึงการจัดทำสื่อออนไลน์ เช่น Youtube Channel, Twitter Account และ Facebook Fanpage กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้เปิดช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนในเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามช่องทางต่าง ๆ เช่น Call Center, Face Book, Line, WEB Site เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ หรือประชาชนทั่วไป สามารถสอบถามข้อมูล แจ้งปัญหา อุปสรรค ตลอดจนข้อเสนอแนะ ในการดำเนินโครงการ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน ซึ่งผลการสำรวจการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนที่มีต่อประเด็นสื่อสารสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 พบว่าโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ มีผลการสำรวจการรับรู้ถึงร้อยละ 91.8

   “เราได้มีการติดตามและประเมินผล ในทุกขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อติดตามความสำเร็จของงาน และหาโอกาสในการปรับปรุงเพื่อให้การปฏิบัติงานของโครงการดีขึ้น กระทรวงเกษตรฯ มั่นใจว่าโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ นอกจากจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้ว ยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เกษตรกรสามารถเลี้ยงตนเองและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างพอเพียงและยั่งยืนอีกด้วย” นายสำราญ สาราบรรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

###