ครม. มีมติเห็นชอบรับรองวัดคาทอลิก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๙ วัดแรกตามที่ วธ. เสนอ
วันที่ 23 สิงหาคม 2565 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุม ครม.มีมติรับรองวัดคาทอลิก จำนวน ๙ วัดแรก ประกอบด้วย ๑. วัดศีลมหาสนิท (ตลิ่งชัน) ๒. วัดแม่พระกุหลาบทิพย์ (ลาดพร้าว) ๓. วัดนักบุญโธมัส อัครสาวก (ซอยนาคสุวรรณ) ๔. วัดพระเมตตา (เชียงแสน) ๕. วัดพระแม่แห่งมวลชนนานาชาติ (เชียงของ) ๖. วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล (เชียงคำ) ๗. วัดนักบุญมอนิกา (น่าน) ๘. วัดนักบุญยอแซฟกรรมกร (แพร่) ๙. วัดพระแม่ มหาการุณย์ (แคมป์สน) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เสนอ ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การรับรองวัดคาทอลิก ตามข้อ ๑๖ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. ๒๕๖๔
“การรับรองวัดคาทอลิกครั้งนี้ ถือเป็นแนวทางส่งเสริมและอุปถัมภ์ศาสนาในประเทศไทย ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงช่วยเสริมบทบาทของกระทรวงวัฒนธรรมในการสนับสนุนให้ศาสนิกชนมีศาสนสถานในการประกอบศาสนกิจ และได้รับการศึกษาและปลูกฝังคุณธรรมที่ถูกต้องตามหลักศาสนา”รมว.วธ. กล่าว
ทั้งนี้ นับตั้งแต่การตราพระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณ ฐานะ ของวัดบาดหลวงโรมันคาทอลิกในกรุงสยาม ตามกฎหมาย ร.ศ. ๑๒๘ (พ.ศ. ๒๔๕๒) และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ที่ได้ให้การรับรองวัดคาทอลิกในเขตการปกครองของมิซซังกรุงเทพ ที่ตั้งขึ้นก่อนพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับรวมจำนวน ๔๓ วัด และการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะฐานของวัดบาทหลวงโรมันคาธอลิกในกรุงสยาม ลงวันที่ ๒๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๕๒ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ที่ให้การรับรองวัดคาทอลิกในเขตการปกครองของมิซซังท่าแร่-หนองแสง จำนวน ๑๔ วัด ทำให้มีวัดคาทอลิกที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายรวมทั้งสิ้น ๕๗ วัด หลังจาก พ.ศ. ๒๔๗๒ ไม่มีการประกาศจัดตั้งหรือรับรองวัดคาทอลิกเพิ่มเติม เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้มิซซังยื่นคำร้องขอจัดตั้งวัดต่อรัฐบาลและให้เสนาบดีเจ้ากระทรวงในท้องที่พิจารณาคำร้อง
ซึ่งภายหลังมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหน่วยงานราชการขึ้นหลายครั้ง ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนว่าอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาจัดตั้งหรือรับรองวัดคาทอลิกเป็นของหน่วยงานใด ประกอบกับกฎหมายดังกล่าวไม่ได้กำหนดขั้นตอนหรือแนวทางในการขอจัดตั้งหรือขอให้รับรองวัดคาทอลิกไว้ เป็นอุปสรรคต่อการขอจัดตั้งหรือรับรองวัดคาทอลิกของมิซซัง ในขณะที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีจำนวนคริสต์ศาสนิกชนเพิ่มขึ้นครอบคลุมทุกจังหวัดในประเทศไทย นำไปสู่การประกาศใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อกำหนดแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งและรับรองวัดคาทอลิกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยกำหนดให้กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิก ทำหน้าที่รับ ตรวจสอบ และเสนอคำขอจัดตั้งและคำขอให้รับรองวัดคาทอลิกต่อคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งวัดคาทอลิกให้ความเห็น ก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบตามลำดับ
###