ครบรอบ 70 ปี บนเส้นชีวิตการเดินทาง “วิกรม กรมดิษฐ์” จะมอบทรัพย์สินให้สังคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ครบรอบ 70 ปี “วิกรม กรมดิษฐ์” มอบทรัพย์สินเข้ามูลนิธิอมตะ หวังสานต่อเจตนารมณ์ ยกระดับคุณภาพสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมทั้งส่งเสริมวงการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรม นวัตกรรม มอบทุนเรียนดีต่อเนื่องสร้างอนาคตให้กับทรัพยากรบุคคล เป็นกำลังสำคัญของประเทศ ถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านสื่อต่างๆและหนังสือในราคา20 บาท ที่ทุกคนเข้าถึง สร้างนิสัยรักการอ่าน สร้างแรงบันดาลใจให้คนในสังคมนำไปปรับใช้ดำเนินชีวิต ให้ประสพความสำเร็จอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน
นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และประธานมูลนิธิอมตะ เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 70 นับเป็นวาระสำคัญของการวางแผนชีวิตเพื่อส่งต่อความมั่นคงต่อการดำเนินงานของมูลนิธิอมตะอย่างไม่สิ้นสุด จึงได้ทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินส่วนตัวให้กับมูลนิธิอมตะมูลค่ากว่า 95% ของทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร คอนโดมิเนียม หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนทรัพย์สินส่วนตัวอื่นๆ เพื่อให้เป็นสาธารณประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งอันจะนำไปสู่หนึ่งในกลไกการยกระดับคุณภาพสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้มูลนิธิอมตะได้ก่อตั้งเมื่อ 27 ปีที่แล้วโดยคุณวิกรม กรมดิษฐ์ มีโครงการภายใต้วัตถุประสงค์เช่น โครงการรางวัล “นักเขียนอมตะ”, โครงการทุนเรียนดี, โครงการประกวดศิลปกรรม “อมตะ อาร์ต อวอร์ด” โครงการด้านนวัตกรรม, โครงการหนังสือดีมีประโยชน์สร้างการเปลี่ยนแปลง และโครงการปรับปรุงอุทยานเขาใหญ่สู่อุทยานมาตรฐานโลกภายในเวลา10 ปี
“ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นสู่ธุรกิจ ผมยึดมั่นในเป้าหมาย All Win และความมุ่งมั่นของการทำแต่สิ่งดีงามให้ไว้กับทุกคนมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อประสพความสำเร็จในธุรกิจการงานแล้วก็ควรแบ่งผลกำไรกลับคืนสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีคุณภาพน่าอยู่เช่นประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งผมได้นำประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กมาเรียบเรียง มาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือพิมพ์เผยแพร่ไปแล้วกว่า 11.6ล้านเล่ม เพื่อให้สังคมสามารถเรียนรู้ และนำไปปรับใช้ได้ในโอกาสต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้นการทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินในครั้งนี้ นับเป็นความตั้งใจของผมหลังจากที่ได้เรียนรู้ฝึกฝนชีวิตกับวิกฤติต่างๆ จนขับเคลื่อนให้ธุรกิจกลุ่มอมตะประสบความสำเร็จในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้เป็นเมืองนวัตกรรมเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ด้วยแนวคิดที่เห็นว่า เราเกิดมาจากศูนย์และจากไปเป็นศูนย์ ระหว่างศูนย์เราควรสร้างสรรค์สิ่งที่มีประโยชน์และคุณค่าฝากไว้ให้กับสังคมในระยะยาวตลอดไป
ทั้งนี้ โลกในระยะต่อไปยังคงมีความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงหลายด้านที่ทุกฝ่ายรวมทั้งกลุ่มอมตะจำเป็นต้องปรับตัวรองรับ โดยอมตะได้วางเป้าหมายการพัฒนาภายใต้แนวคิดเมืองอัจฉริยะอมตะ (AMATA Smart City) เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจที่สอดรับอนาคตการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มุ่งเน้นนวัตกรรมที่ทันสมัย ขณะที่มูลนิธิอมตะพร้อมแบ่งปันให้กับสังคมไทยในช่วงสถานการณ์ยากลำบาก เช่นช่วงที่ไวรัสโควิด-19ระบาด พวกเราชาวอมตะได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความช่วยเหลือ รวมทั้งยังจัดทำโครงการบริจาคโลหิต100 ล้านซีซีกับ สภากาชาดไทย เชื่อว่าจากนี้ไปไม่ว่าจะกี่วิกฤติก็พร้อมที่จะช่วยเหลือสนับสนุนสังคมเพื่อก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนตลอดไป
###