อีอีซี มอบรางวัล 12 ผลงานผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบยกระดับความร่วมมือระหว่างพื้นที่ชุมชน และพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น จากเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก

   สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) หรืออีอีซีจัดพิธีมอบรางวัลผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบประจำปี 2566 (EEC Select 2023) จำนวน 12 ผลิตภัณฑ์จาก 6 ผู้ผลิตต้นแบบอีอีซีเพื่อแสดงศักยภาพผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นที่สร้างสรรค์จากวัตถุดิบ/องค์ความรู้ท้องถิ่นโดยชุมชนวิสาหกิจชุมชนและกิจการเพื่อสังคมหรือวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) ในพื้นที่อีอีซีด้วยกระบวนการที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมณสำนักงานอีอีซี ห้องประชุมConference 1-2 ชั้น 25 อาคารโทรคมนาคมบางรัก

 

   ดร. จุฬาสุขมานพ เลขาธิการอีอีซี เปิดเผยว่าโครงการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบ (EEC Select) นับได้ว่าเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะส่งเสริมคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนในพื้นที่ 3 จังหวัดอีกทั้งยังสามารถนำไปสู่การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลสำเร็จจากการพัฒนาเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ทั้งในด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวะล้อมผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโยลีและนวัตกรรมที่เหมาะสมในการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ดังกล่าวในหลากหลายมิติรวมถึงการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและพัฒนาเครือข่ายให้แก่ชุมชนวิสาหกิจชุมชนและกิจการเพื่อสังคมหรือวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) ในพื้นที่อีอีซีเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

   สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับตรารับรองEEC Select 2023 จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์มีความชัดเจนสะท้อนความโดดเด่นของเอกลักษณ์ในพื้นที่อีอีซีและเป็นไปตามนโยบายการพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งการดำเนินงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและการออกแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงผู้ประกอบการในระดับประเทศเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯอาทิคุณธัญรัตน์อินทร, ศาสตราจารย์ดร.เกรียงศักดิ์เจริญวงศ์ศักดิ์, หม่อมหลวงคฑาทองทองใหญ่, คุณวีรศักดิ์เพ้งหลัง, ดร.อำพลอาภาธนากร, คุณกิตติวุฒิศศิวิมลพันธุ์, คุณวิรัตน์ศิริสกุลงาม, คุณเฉลิมชัยมหากิจศิริ, คุณณพาภรณ์โพธิรัตนังกูลและคุณวดีภิญโญทรัพย์

 

   ทั้งนี้หลักเกณฑ์คัดเลือกคัดเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบประจำปี 2566 (EEC Select 2023) กรรมการจะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ 5 ด้านได้แก่ด้านปัจจัยการผลิตด้านกระบวนการผลิตด้านผลิตภัณฑ์ด้านการตลาดและด้านการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนซึ่งหลักเกณฑ์ทั้ง 5 นี้จะสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของผลิตภัณฑ์ที่เข้ารับการคัดเลือกในทุกมิติและจะเป็นตัวแทนในการเล่าเรื่องราวในพื้นที่อีอีซีซึ่งพรั่งพร้อมไปด้วยปัจจัยด้านการผลิตบุคคลากรที่จะสามารถพัฒนาความร่วมมือและเชื่อมโยงประโยชน์ระหว่างพื้นที่อุตสาหกรรมและพื้นที่ชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม

   โดยในปีนี้มีชุมชนต้นแบบที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกและเข้ารับรางวัลมีจำนวนทั้งสิ้น 12 ผลิตภัณฑ์จาก 3 ประเภทประกอบด้วย 1) ประเภท 1 ดาว : ผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบที่มีคุณภาพสามารถพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ดั้งเดิมและวัตถุดิบจากชุมชนด้วยความคิดสร้างสรรค์หรือนวัตกรรมร่วมกับหน่วยงานและองค์กรภาครัฐและเอกชนในพื้นที่อีอีซีจำนวน 9 ผลิตภัณฑ์ได้แก่สเปรย์น้ำแร่และRoom Diffuser   โดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มลุฟฟาลากระเป๋าสะพายและกระเป๋าถือโดยกลุ่มสัมมาชีพชุมชนบ้านชากมะหาดเสื้อผ้าสตรีเสื้อผ้าบุรุษและกระเป๋าสะพายโดยชุมชนพนัสนิคมยาสีฟันสมุนไพรอัดเม็ด        โดยบริษัทมาบเอื้องวิสาหกิจเพื่อสังคมจำกัดและซอสมะม่วงรสดั้งเดิมโดยกลุ่มมะม่วงกวนท่าพลับโรงสีล่าง (ขนมทัยซอสทัย) 2) ประเภท 2 ดาว : ผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบที่มีคุณภาพมาตรฐานสามารถองค์ความรู้ดั้งเดิมวัตถุดิบท้องถิ่นด้วยความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีร่วมกับหน่วยงานและองค์กรภาครัฐและเอกชนในประเทศจำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ได้แก่น้ำตบกฤษณาและRoom Diffuser โดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณาและ 3) ประเภท 3 ดาวผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบที่มีคุณภาพมาตรฐานสากลสามารถถ่ายทอดและนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาแสดงบนผลิตภัณฑ์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบท้องถิ่นได้อย่างชัดเจนด้วยความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีและสามารถพัฒนาต่อยอดร่วมกับหน่วยงานและองค์กรภาครัฐและเอกชนจากต่างประเทศเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความเป็นEEC Select ในระดับสากลจำนวน 1 ผลิตภัณฑ์ได้แก่น้ำมันกฤษณาโดย     วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณาทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบที่ได้รับการรางวัลในวันนี้จะได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์ผ่านตราสัญลักษณ์EEC Select 2023  และจะได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพช่องทางการจัดจำหน่ายในมิติต่างๆร่วมกับเครือข่ายทั้งในระดับภูมิภาคประเทศและระดับนานาชาติที่เข้มแข็งอันจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันศักยภาพพื้นที่ในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทราชลบุรีและระยอง) ให้เติบโตไปพร้อมกับพื้นที่อุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนต่อไป

###