“สุธีพัทธ์” จบแชมป์ที่ 4 ร่วม “แมคไกวร์” เพลย์ออฟคว้าแชมป์ แบล็คเมาน์เท่น แชมเปียนชิพ

   20 ตุลาคม 2567 – สุธีพัทธ์ ประทีปเทียนชัย ปิดเกมได้อีก 6 อันเดอร์พาร์ 66 รวมสี่วัน 20 อันเดอร์พาร์ 268 จบอันดับ 4 ร่วมในศึกเอเชียนทัวร์ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ รายการ “แบล็คเมาน์เทน แชมเปียนชิพ” ที่สนามแบล็คเมาน์เท่น กอล์ฟ คลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่โทรฟี่แชมป์ตกเป็นของ ไมเคิล แมคไกวร์ โปรชาวอเมริกัน ที่เฉือนเพลย์ออฟชนะ จอห์น แคทลิน เพื่อนร่วมชาติ หลังทั้งคู่จบด้วยสกอร์รวมเท่ากัน 23 อันเดอร์พาร์ 265 (ภาพ: Asian Tour)

   เอเชียนทัวร์จัดศึกอินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ 2 รายการติดต่อกันที่ประเทศไทย เริ่มจาก แบล็ค เมาน์เทน แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลซีรีส์รายการที่ 5 ชิงเงินรางวัล 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือราว 66 ล้านบาท ณ สนามแบล็คเมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน พาร์ 72 ระยะ 7,344 หลา จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 17 - 20 ตุลาคมที่ผ่านมา มีนักกอล์ฟลงแข่งขันทั้งสิ้น 150 คน ในจำนวนนี้เป็นนักกอล์ฟไทยผ่านตัดตัว 19 คน

   ปิดฉากการแข่งขันรอบสุดท้าย โปรตี้-สุธีพัทธ์ ประทีปเทียนชัย วัย 31 ปี จากกรุงเทพฯ ดีกรีแชมป์หยางเต๋อ ทีพีซี ไต้หวัน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เก็บรอบสุดท้ายได้อีก 6 อันเดอร์พาร์ 66 จาก 7 เบอร์ดี้ที่หลุม 2,3,6,14,15 17 และ 18 เสียโบกี้เดียวที่หลุม 16 ก่อนจบสกอร์รวม 20 อันเดอร์พาร์ 268 จบอันดับ 4 ร่วม รับเงินรางวัลไป 82,866.66 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2.7 ล้านบาท 

   ขณะที่แชมป์ขับเคี่ยวกันเข้มข้น ระหว่างสองโปรกอล์ฟจากสหรัฐฯ จอห์น แคทลิน วัย 33 ปี แชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ มาเก๊า ผู้นำคะแนนสะสม ออร์เดอร์ ออฟ เมอริต อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ และเอเชียน ทัวร์ อยู่ในขณะนี้ และไมเคิล แมคไกวร์ วัย 31 ปี ที่จบอันดับ 7 ร่วมไต้หวัน เมอร์คิวรีส์ มาสเตอร์ 2024 ที่สกอร์รวมเข้ามาคนละ 23 อันเดอร์พาร์ 265 ต้องออกดวลเพลย์ออฟที่หลุม 18 พาร์ 5 โดยการเพลย์ออฟครั้งแรก ทั้งคู่เก็บพาร์ได้ ในการเล่นครั้งที่สอง แคทลิน ทำสี่ออนสองพัตต์ ออกโบกี้ ขณะที่แมคไกวร์ ตีช็อตสามไปอยู่ฟินซ์ด้านขวากรีน แล้วพัตต์ไปเกาะแท็ปอินพาร์ คว้าแชมป์พร้อมเงินรางวัล 360,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 11.8 ล้นบาท

   สุธีพัทธ์ ประทีปเทียนชัย ซึ่งเป็นโปรไทยที่ทำอันดับดีสุดที่ 4 ร่วมเผยว่า “วันนี้เล่นดี มีพัตต์ใกล้ๆ พลาดไป 2-3 หลุม แต่ก็ทำแต้มได้เยอะ พอใจผลงานรวมสี่วัน เพราะผมก็ตั้งไว้วันละลบสี่ถึงห้า จบที่ 20 อันเดอร์ก็ถือว่าเยี่ยมเลย จริงๆ ผมยังต้องมีแก้ไขเรื่องพัตต์อีกเพราะพัตต์ใกล้หลุดไป 2-3 หลุม ก็มั่นใจมากขึ้นเพราะตีเหล็กได้ดี ยังพัตต์ใกล้ๆ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สำหรับสนามต่อไปแข่งที่ไทยคันทรีคลับ ก็เคยไปตีบ้างแต่ไม่ได้บบ่อย เห็นเขาบอกว่ารัฟยาว คงไปซ้อมก่อน ดูสภาพอากาศ ดูกรีน ดูรัฟ วางแผนการเล่นให้มีโอกาสเบอร์ดี้เยอะๆ น่าจะตัดอันเดอร์เยอะอยู่เช่นกัน

   ทางด้าน ไมเคิล แมคไกวร์ เผยหลังคว้าแชมป์เอเชียน ทัวร์ เป็นครั้งแรกว่า “เกมของผมสวิงมากในช่วงเก้าหลุมหลัง ไม่ว่าจะตีลูกไดร์ฟไปไกลแค่ไหน แต่การทำแต้มได้อยู่ที่บนกรีน ผมรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะผมก็อยากชนะในรายการที่ผมลงเล่น ชัยชนะครั้งนี้จึงยิ่งใหญ่มากสำหรับผม ตลอดเวลาที่เล่นเพลย์ออฟ ผมต้องอดทนมาก เพราะฝนตก จังหวะการตีก็ไม่เหมือนเดิม ผมต้องมีสมาธิอย่างมากในการตีทุกซ๊อต ทีละช๊ฮตแบบอยู่กับปัจจุบัน ถ้าผมไดร์ฟดีอยู่ในแฟร์เวย์ก็มีโอกาสชนะ แต่จอห์นก็แก้เกมมาจากบังเกอร์ได้ดีเข้าใกล้กรีนมากกว่าผม ผมไม่คิดว่าผมจะชนะเพลย์ออฟที่สกอร์พาร์”

   สำหรับนักกอล์ฟไทยที่ทำสกอร์ติดท็อปเท็นได้แก่ สดมภ์ แก้วกาญจนา และ สุรดิษ ยงค์เจริญชัย ทำได้คนละ 18 อันเดอร์พาร์ 270 ในลำดับที่ 9 ร่วม ส่วนกัญจน์ เจริญกุล, เด่นวิทย์ เดวิด บริบูรณ์ทรัพย์ ทำได้คนละ 17 อันเดอร์พาร์ 271 ในอันดับที่ 14 ร่วม ฉ่างไท้ สุดโสม,อติรุจ วินัยเจริญชัย คนละ 16 อันเดอร์พาร์ 272 อันดับที่ 19 ร่วม ภูสิทธิ์ ทรัพย์อัประไมย,ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ และนพรัตน์ พานิชผล คนละ 15 อันเดอร์พาร์ 273 อันดับที่ 22 ร่วม

   ส่วน กากันจีต บูลลาร์ จากอินเดีย ผู้นำรอบสาม ทำได้เพียงอีเวนพาร์ 72 สกอร์รวม 19 อันเดอร์พาร์ อยู่ลำดับที่ 7 ร่วม ด้านดาวดัง อย่าง เบน แคมพ์เบลล์ จากออสเตรเลีย แชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ โมร็อกโค เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สกอร์รวม 20 อันเดอร์ ในอันดับ 4 ร่วม,คริส วูด จากอังกฤษ แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น 2012 และอดีตผู้เล่นไรเดอร์ คัพ 2016 ทำได้ 13 อันเดอร์ อันดับ 33 ร่วม และ ปีเตอร์ ยูไลน์ จากสหรัฐ แชมป์อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ อิงแลนด์ เมื่อเดือนสิงหาคม ทำได้ 11 อันเดอร์ อันดับ 44 ร่วม

###