ทำไมต้องมีห้องเก็บไวน์ (Wine Cellar) ?

   “ห้องเก็บไวน์” (Wine Cellar)ถือเป็นอีกหนึ่งห้องที่สำคัญภายในบ้านของนักดื่มไวน์และนักสะสมไวน์ เพราะนอกจากไวน์จะเป็นเครื่องดื่มที่มีราคาแพงซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าบางรุ่นมีมูลค่าสูงเทียบเท่าราคารถยุโรปแบรนด์ชั้นนำหนึ่งคัน ไวน์ยังถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของเหล่านักคลั่งไคล้ในรสชาติด้วย ดังนั้นห้องเก็บไวน์และวิธีการเก็บรักษาที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญนับว่าเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งก็ว่าได้ ล่าสุด “Wine CellarBy 89 Upper”(ไวน์ เซลลาร์ บาย เอทตี้ ไนน์ อัพเพอร์)ศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ จ.อุดรธานี ได้เชิญ Sommelier ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ชื่อดังของเมืองไทย “ธีระ วีรวรรณ” ร่วมแชร์ไอเดีย “ทำไมต้องมีห้องเก็บไวน์?” ให้ผู้ที่เริ่มสะสมไวน์เป็นงานอดิเรกได้ทราบกัน

   นายธีระ วีรวรรณผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ และ Sommelier ชื่อดังของเมืองไทย เล่าว่า “ปัจจุบันคนไทยหันมาดื่มไวน์ และนิยมเก็บสะสมไวน์เป็นงานอดิเรกกันเพิ่มมากขึ้น ทั้งการดื่มแบบเพียวหรือการแพร์ริ่ง (Pairing) กับอาหารนักดื่มและนักสะสมตัวยงมักจะมี “ห้องเก็บไวน์” หรือ “Wine Cellar” ไว้ในบ้าน บางครั้งอาจฟังดูโอเว่อร์ แต่ความเป็นจริงแล้วห้องเก็บไวน์มีความสำคัญเป็นอย่างมากเปรียบเสมือนตู้เซฟที่ช่วยเก็บรักษาไวน์ให้มีคุณภาพและรสชาติที่ดีอยู่ตลอดเวลา เพราะหากไวน์เสียรสชาติไปเพียงนิดมูลค่าของไวน์ก็ลดลงเช่นกันสำหรับวิธีการเก็บรักษาไวน์จึงควรคำนึงถึง 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่

   “อุณหภูมิ”เป็นเรื่องที่สำคัญมากของการเก็บรักษาไวน์ให้คงคุณค่าและรสชาติไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ในที่มิดชิดอุณหภูมิอยู่ในระดับความเย็นคงที่ โดยไวน์แต่ละชนิดจะใช้อุณหภูมิในการเก็บรักษาที่แตกต่างกัน อาทิ ไวน์แดงควรเก็บในอุณหภูมิระหว่าง15-18 องศาเซลเซียส ไวน์ขาวใช้อุณหภูมิประมาณ8-12 องศาเซลเซียส และเครื่องดื่มประเภทสปาร์คกลิ้ง ไวน์ (Sparkling Wine) ควรเก็บในอุณหภูมิ6-8 องศาเซลเซียส หากอุณหภูมิในการเก็บรักษาอุ่นหรือเย็นเกินไปก็จะทำให้ผิดรสชาติทันทีเช่น ในไวน์แดง กลิ่นหอมของผลไม้หรือองุ่นจะหายไปเหลือแต่กลิ่นของแอลกอฮอล์ ส่วนไวน์ขาวและสปาร์คกลิ้ง ไวน์ รสชาติจะเปรี้ยวและมีกลิ่นแรง

   ต่อมาคือเรื่องของ“การจัดวาง”ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะที่เห็นการจัดวางขวดไวน์ในห้องเก็บไวน์ตามร้านอาหารหรือตามโรงแรมชั้นนำ ที่มีทั้งการวางแบบตั้งปกติกับการวางแบบนอนสลับไปมานั้นไม่ใช่เพราะเรื่องดิสเพลย์ความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการวางที่คำนึงถึงเรื่องของอากาศที่จะแทรกเข้าไปในขวดไวน์ด้วยวิธีการวางขวดไวน์ที่ถูกต้องให้สังเกตที่ฝาปิด ถ้าขวดไวน์ที่ซื้อมามีฝาปิดแบบเกลียวแสดงว่าไวน์ขวดนั้นได้ผ่านกระบวนของการทำให้เป็นระบบสุญญากาศแล้ว สามารถวางได้ทั้งแบบแนวตั้งหรือแนวนอนไปเลยก็ได้ ส่วนไวน์ที่ฝาปิดเป็นแบบจุกไม้คอร์ก ควรวางแนวเอียง 45 องศา เพื่อให้ไวน์ในขวดได้สัมผัสกับจุกไม้คอร์ก ดันไม่ให้อากาศเข้าไปในขวดได้

   สุดท้ายคือเรื่องของ “ระยะเวลา”สำหรับการเก็บรักษาไวน์เพื่อให้ได้รสชาติของการดื่มที่เหมาะสม หลายคนคิดว่ายิ่งเก็บนานยิ่งดี ยิ่งอร่อย และทำให้ไวน์มีราคาแพงมากขึ้น ซึ่งตามหลักแล้วการเก็บไวน์แต่ละประเภทมีอายุในการเก็บที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับแหล่งที่ผลิตและพันธุ์องุ่นที่นำมาทำไวน์เป็นหลัก อาทิ ไวน์แดงที่หมักจากองุ่นสายพันธุ์ “กาเม”(Gamay) สามารถเก็บได้เพียง 3-5 ปี ส่วนไวน์แดงที่หมักจากองุ่นสายพันธุ์ “กาแบร์เน โซวีญง” (CabernetSauvignon)สามารถเก็บได้นานถึง 20-30 ปี เป็นต้น แต่สำหรับไวน์ขาวจะไม่นิยมเก็บนานเกินไปเพราะหมักมาจากสายพันธุ์องุ่นที่มีอายุน้อย การเก็บเพียง 2-3 ปี ก็พอแล้วสำหรับการนำมาดื่ม ในจุดนี้ผู้ซื้อสามารถสังเกตได้จากข้างขวด ขณะเดียวกันไวน์โลกเก่าจะมีสายพันธุ์องุ่นบอกแต่ถ้าไวน์โลกใหม่จะไม่มีบอกสามารถถามพนักงานขายหรือSommelier ของร้านได้

   ทางด้าน นางสาวอภิชา วีรชาติยานุกูลผู้จัดการฝ่ายดูแลภาพลักษณ์องค์กร บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้ายูดีทาวน์ จังหวัดอุดรธานี และผู้บริหารร้าน ไวน์ เซลลาร์ บาย เอทตี้ ไนน์ อัพเพอร์ เล่าว่า “การเก็บรักษาไวน์ให้คงรสชาติถือเป็นงานศิลปะและไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายที่ใครก็สามารถทำได้ ดังนั้นนักดื่มและนักสะสมไวน์นอกจากจะมีกำลังซื้อแล้ว ยังต้องมีความรักในการสะสมและมีความรู้เกี่ยวกับไวน์มากพอสมควร เพื่อไม่ให้ไวน์ที่หามาได้นั้นเสียคุณค่าไปอย่างไร้ค่า การมีห้องเก็บไวน์ที่เหมาะสมจึงเป็นวิธีการเก็บไวน์ที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากนักดื่มที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการเก็บรักษา หรือไม่อยากเสียเวลากับการเดินทางไปแสวงหาไวน์รสเลิศจากต่างประเทศมาเก็บสะสมไว้ ล่าสุด ศูนย์การค้า ยูดี ทาวน์ จังหวัดอุดรธานี เปิดร้าน“Wine CellarBy 89 Upper”(ไวน์ เซลลาร์ บาย เอทตี้ ไนน์ อัพเพอร์)ให้บริการเพื่อเอาใจคอนักดื่มชาวอุดรธานี

   โดยร้านถูกออกแบบมาให้เป็นห้องเก็บไวน์ขนาดใหญ่ภายใต้คอนเซ็ปต์การตกแต่งในแนว“คอนเทมโพรารี่ แอนด์ ลอฟท์” (Contemporary and Loft) เน้นความสูงโปร่งในรูปแบบโรงเก็บไวน์เพิ่มลูกเล่นด้วยถังบ่มไวน์ไม้โอ๊ค เพราะนอกจากจะได้ในเรื่องของความสวยงามแล้ว ยังให้กลิ่นสัมผัสเสมือนอยู่ทามกลางโรงบ่มไวน์ในประเทศฝรั่งเศสอีกด้วยส่วนภายในออกแบบให้เป็นห้องเก็บไวน์ 2 ห้อง เพื่อเก็บรักษาไวน์ด้วยอุณหภูมิที่ต่างกันภายในร้านได้รวบรวมไวน์ชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้กว่า 400 ชนิด รวมถึงไวน์ระดับท็อปคลาสรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น อาทิ LOUIS JADOT VOSNE ROMANEE 1er CRU, THE OCTAVIUS OLD VINE SHIRAZ, Henschke Hill of grace, THE CALEY Cabernet Shiraz, VINEDO CHADWICK Cabernet, CHATEAU MONTROSE 2ème Cru classeś, CONTINUUMเป็นต้นนอกเหนือเครื่องดื่มประเภทไวน์แล้วยังมีเครื่องดื่มประเภท คอนยัค วิสกี้ และสาเกนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นรวมถึงเครื่องดื่มประเภท non-alcohol อย่างไซรัปนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี มาให้บริการ นอกจากนี้ทางร้านยังนำเข้าอุปกรณ์สำหรับการดื่มไวน์ อย่าง แก้วไวน์ระดับเวิลด์คลาสแบรนด์ Riedel และที่เปิดไวน์แบรนด์ Coravin เป็นต้น เพื่อเติมเต็มความต้องการของนักดื่มได้อย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.042932 999 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.goudtown.com Facebook : UDTOWNInstagram : UDTOWN และ Line Official : @UDTOWN