เคล็ดลับควรรู้สำหรับการเลือกและสวมใส่หมวกจักรยาน

   หมวกจักรยาน คืออุปกรณ์ความปลอดภัยชิ้นสำคัญที่นักขี่จักรยานห้ามละเลย จากข้อมูลของ Bicycle Helmet Safety Institute ระบุว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางจักรยานหมวกจักรยานสามารถป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับศีรษะได้มากถึง 88%โดยหมวกจักรยานส่วนใหญ่ทำจากโฟมพอลิสไตรีน(Polystyrene foam) ซึ่งมีเนื้อแน่น แข็งและเหนียว แต่เมื่อถูกกระแทกก็สามารถแตกหักได้ ซึ่งโฟมนี้จะช่วยดูดซับแรงกระแทกที่จะเกิดกับศีรษะของเรานั่นเอง

   หากสำคัญที่สุดคือหมวกจักรยานที่เลือกใช้ต้องได้รับมาตรฐานการผลิตที่ถูกต้อง ซึ่งมาตรฐานของประเทศไทยคือ ม.อ.ก หรือมาตรฐานในต่างประเทศเช่น มาตรฐาน DOTโดยในแต่ละประเทศก็มีการจัดมาตรฐานออกเป็นหลายโซน เช่น สหรัฐอเมริกาคือCPSC (Consumer Product Safety Commission) ยุโรปคือCE sticker ออสเตรเลียคือAS/NZSเป็นต้น

   และวันนี้ Bangkok Bank CycleFest จะมาบอกเคล็ดลับการเลือกหมวกจักรยานง่าย ๆ ให้คุณเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมกัน

   ข้อพิจารณาอันดับแรกคือขนาดเราควรวัดขนาดรอบศีรษะบริเวณหน้าผากล่างช่วงเหนือคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อวัดได้แล้วก็นำค่ามาเปรียบเทียบตามรูป เราก็จะรู้ไซส์หมวกจักรยานของเราได้อย่างง่ายดาย  

   เมื่อเลือกขนาดได้แล้ว เราต้องพิจารณาถึงรูปแบบที่เหมาะสมกับการใช้งาน หากใช้กับจักรยานเสือหมอบ ควรเลือกหมวกที่มีน้ำหนักเบา ระบายลมได้ดี และมีรูปทรงลู่ลมเพราะใส่ได้สบายและไม่บดบังทัศนวิสัยเมื่อต้องค้อมตัวลงต่ำหากเป็นหมวกสำหรับจักรยานเสือภูเขาหรือจักรยานไซโคลครอส ต้องระบายอากาศดีมากแม้ขี่ด้วยความเร็วต่ำหมวกจักรยานประเภทนี้โดดเด่นจากรูปทรงกระบังหน้าหมวก การยกด้านท้ายสูงและการสวมใส่ที่กระชับในยามขี่บนทางวิบาก บางชนิดมีส่วนป้องกันทั้งใบหน้า ซึ่งเหมาะสำหรับการปั่นลงภูเขา หรือแม้แต่การปั่นในสวนสาธารณะ

วิธีสวมใส่หมวกจักรยานที่ถูกต้อง
   อันดับแรกต้องหมุนห่วงปรับขนาดด้านในหมวกให้สายรัดศีรษะหลวมเล็กน้อย สวมใส่หมวกให้เข้าที่เหมาะสมโดยต้องไม่เชิดหรือต่ำจนลงมาบังสายตา หลังจากนั้น หมุนปรับสายด้านในให้หมวกกระชับพอดีขั้นต่อไปคือการติดสายรัดคาง โดยอย่ารัดให้แน่นจนหายใจลำบากหรือหลวมเกินไปเพราะอาจทำให้หมวกหลุดได้ หลักการง่ายๆคือใส่แล้วรู้สึกพอดี ก้มได้ เงยสะดวก

   ปัจจุบัน มีเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า MIPS Multi-directional Impact Protection System (MIPS) ที่ช่วยให้หมวกยึดกระชับกับศีรษะของผู้ใส่มากที่สุด เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ หมวกจะไม่หลุดและป้องกันการกระแทกโดยไม่เสียดสีกับศีรษะ และที่สำคัญคือช่วยลดแรงบิดที่จะเกิดบนศีรษะหากเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสมองได้

   ควรเปลี่ยนหมวกจักรยานทุก 5 ปี เพราะเป็นอายุการใช้งานปกติของวัสดุที่ใช้ผลิตหมวกจักรยาน (นับจากวันผลิต)  หรือเปลี่ยนทันทีเมื่อเกิดการชำรุดหรือตกกระแทกจนโครงสร้างหมวกเสียหาย และสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งก็คือการซื้อหมวกจักรยานปลอมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะเป็นสินค้าคุณภาพต่ำและไม่สามารถปกป้องศีรษะได้ดีเท่าหมวกจักรยานของแท้ที่ผลิตตามมาตรฐาน

   เมื่อเลือกอุปกรณ์พร้อมแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการทดลองสนามของจริง! และหนึ่งในรายการปั่นจักรยานที่น่าสนใจมากที่สุดในปีนี้ก็คือ Bangkok Bank CycleFest2018 โปรแกรมการแข่งขันจักรยานนานาชาติที่ต้อนรับนักปั่นทุกเพศทุกวัยและทุกระดับให้มาสนุกสนานร่วมกันทั้งครอบครัว ด้วยประเภทการแข่งขันที่หลากหลาย รวมถึงการปั่นสุดเร้าใจในสไตล์ออฟโร้ด และกิจกรรมบันเทิงอีกมากมายรวมไว้ในที่เดียว โดยงานนี้จะจัดระหว่างวันที่ 24-25 พฤศจิกายนนี้ ที่สนามกอล์ฟ สยามคันทรีคลับ พัทยา จังหวัดชลบุรีผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดการสมัครได้ที่  www.BangkokBankCycleFest.com‬‬