แมคลาเรน เปิดตัว “McLaren 720S” นำเสนอสุดยอดยานยนต์ยกระดับทุกขีดจำกัดคันแรกในเมืองไทย “The New McLaren 720S Raises Limits in Thailand”

   แมคลาเรน แบงค็อก จัดงานแถลงข่าวเปิดการจำหน่ายสุดยอดซูเปอร์คาร์เจเนอเรชั่นที่ 2 ในตระกูล Super Series McLaren 720S (แมคลาเรน 720เอส) ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Twin Turbo V8 Engine แบบ 4 ลิตร ซึ่งได้กระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากแวดวงยานยนต์ระดับหรูของโลก โดยงานแถลงข่าวครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม "The New McLaren 720S Raising your Limits in Thailand" ในวันอังคารที่ 19 มิถุนายน 2561 ณ โชว์รูมนิชคาร์ เพื่อให้สื่อมวลชนและลูกค้า VIP ได้พบกับแมคลาเรน 720S คันแรกของประเทศไทยตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์แมคลาเรนในตลาดรถหรูของเมืองไทย

   McLaren 720S เผยโฉมในเมืองไทยอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วภายในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 38 เมื่อปีที่ผ่านมาหลังเปิดตัวครั้งแรกของโลกที่กรุงเจนีวา McLaren 720S ผลิตในประเทศอังกฤษโดยโรงงานผู้ผลิตของแมคลาเรนที่เชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์รถยนต์ประเภทสปอร์ตคาร์และซูเปอร์คาร์ชั้นเลิศ ทำให้ McLaren 720S เปี่ยมด้วยสมรรถนะที่แรงเหนือชั้นและการผสานการขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกับนักขับอย่างชาญฉลาด เทียบเท่ากับรถยนต์ระดับไฮเปอร์คาร์ในสนนราคาระดับซูเปอร์คาร์ และถือเป็นยุคใหม่ของรถยนต์ในตระกูลแมคลาเรน ซูเปอร์ ซีรีส์ เนื่องจากรถยนต์เจเนอเรชั่นที่ 2 นี้ เปี่ยมด้วยความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด เพียบพร้อมด้วยดีไซน์ที่สวยงามเร้าใจและระบบวิศวกรรมยานยนต์รุ่นใหม่อย่างแท้จริง

   มร. ปีเตอร์ เซลล์ ผู้จัดการฝ่ายขายแมคลาเรน ประจำภูมิภาคเอเชียใต้ นับเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของการเปิดตัวรถยนต์สองเจเนอเรชั่นแรกในตระกูลแมคลาเรน ซูเปอร์ ซีรีส์ ในฐานะบุคคลสำคัญของทีมงานบุกเบิกของ McLaren Technology Centre อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและเปิดตัว McLaren 720S ครั้งนี้ โดย มร.ปีเตอร์ เซลล์ จะให้เกียรติมาเป็นผู้นำเสนอและเปิดตัวซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ภายในงานซึ่งจัดขึ้นที่ นิช คาร์ กรุ๊ป ด้วยตนเองหลังการฉายภาพยนตร์สั้น “Super Series Evolution”

   McLaren 720S นำเสนอดีไซน์ที่สวยเฉียบซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของฉลาม มอบกำลังเครื่องแรงถึง 720 แรงม้า ด้วยอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.8 วินาที ใช้โครงช่วงล่างคาร์บอนไฟเบอร์แบบ Monocage II ซึ่งลดน้ำหนักลงได้ถึง 18 กก. เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้ McLaren 720S เป็นยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยพลัง เร็วแรงสะใจ ด้วยน้ำหนักเบาที่สุดในกลุ่มรถยนต์ที่มีกำลังแรงม้าในระดับเดียวกัน จุดเด่นของ McLaren 720S คือประสิทธิภาพของระบบอากาศพลศาสตร์ที่ถือเป็นดีเอ็นเอแห่งสมรรถนะขั้นสุดยอดของซูเปอร์คาร์รุ่นนี้ มาพร้อม Proactive Chassis Control II ซึ่งเป็นระบบการขับเคลื่อนขั้นสูงที่ดีที่สุดของโลก และระบบควบคุมการทรงตัวแบบแปรผันที่ช่วยให้นักขับสามารถควบคุมรถได้อย่างดีเยี่ยมยิ่งขึ้นและมอบการพุ่งทะยานที่แสนเร้าใจในทุกสภาวะ

   แมคลาเรนยังติดตั้งเทคโนโลยีและฟีเจอร์การทำงานขั้นสูงสุดไว้ใน McLaren 720S โดยนำมาจากประสบการณ์อันเชี่ยวชาญในการผลิตรถยนต์ฟอร์มูล่า-1 ซึ่งรวมถึงสถาปัตยกรรมโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ที่แมคลาเรนใช้ในการผลิตรถยนต์ทั้งรุ่นวิ่งบนท้องถนนและรถแข่งทุกรุ่น โดยนับตั้งแต่เริ่มใช้ครั้งแรกในรุ่น MP 4/1 Formula One เมื่อปี 1981 ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญในเวลานั้น ทำให้รถยนต์ฟอร์มูล่า-1 ทุกรุ่นของแมคลาเรนตั้งแต่ปี 1993 เป็นต้นมา ล้วนผลิตด้วยโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด นอกจากนี้ ใน McLaren 720s ยังติดตั้งเทคโนโลยีรุ่นใหม่ของรถยนต์ฟอร์มูล่า-1 ที่พัฒนาโดยแมคลาเรน ได้แก่ McLaren Brake Steer เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความเฉียบคมในการขับขี่ ทำให้ McLaren 720s สามารถหยุดรถจากความเร็ว 200 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.6 วินาทีเท่านั้น

   ด้วยการออกแบบ Double-skin เพื่อพรางระบบท่อลมเข้าไว้อย่างแนบเนียนแบบ ทำให้สามารถระบายอากาศเพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์และลดแรงต้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน ประตูยังเลื่อนเปิดซ้อนเข้าใต้ส่วนหลังคา ทำให้สามารถเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การออกแบบแผงไฟหน้าแอลอีดีที่โดดเด่นยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพของระบบอากาศพลศาสตร์ได้อย่างดีเยี่ยม

   คุณวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงบริการหลังการขายระดับเอ็กซ์คลูซีฟเพื่อลูกค้าแมคลาเรนว่า “การได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งแห่งความสำเร็จบนหน้าประวัติศาสตร์ของแบรนด์ระดับโลกด้วยการเปิดตัว McLaren 720S คันแรกของประเทศไทยในครั้งนี้ นับเป็นความยิ่งใหญ่และยังถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเราในการนำเสนอบริการหลังการขายระดับซิกเนเจอร์ ด้วยทีมวิศวกรจากแมคลาเรน ซึ่งได้รับการฝึกอบรมโดยแบรนด์รถยนต์ชั้นนำแห่งอังกฤษโดยตรง เพื่อให้ลูกค้าซูเปอร์คาร์ในประเทศไทยมั่นใจได้ถึงคุณภาพและความใส่ใจขั้นสูงสุดของเรา”

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ นิช คาร์ กรุ๊ป ติดต่อ โทร. +662 321 1111 โชว์รูมสาขามอเตอร์เวย์ เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.30 – 17.30 น.

 

 

ข้อมูลรถยนต์รุ่นแมคลาเรน720เอส(McLaren 720S)

   นิว แมคลาเรน 720เอส ซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ให้กำลังเครื่องถึง 720 แรงม้า ถือเป็นซูเปอร์คาร์แบบแรกในตระกูลซูเปอร์ซีรี่ส์ รุ่นที่ 2โดย เซอร์เรย์ บริษัทผู้ผลิตสปอร์ตคาร์และซูเปอร์คาร์ระดับหรูในประเทศอังกฤษ ได้เริ่มเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นนี้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยจัดทำเป็นชุดข้อมูล 6 ชุดซึ่งมีทั้งภาพและภาพยนตร์สั้นที่บ่งบอกถึงคุณสมบัติต่างๆ ของ แมคลาเรน 720เอส ซึ่งสื่อให้รู้ถึงชื่อรุ่น 720 อย่างชัดเจน เนื่องจากเมื่อนำจำนวน 1 x 2 x 3 x 4 x 5 x 6  จะเท่ากับ 720

 

   ยานยนต์ แมคลาเรน 720เอส มีน้ำหนักเบาขึ้น เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่สูงขึ้นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่างรุ่น 650เอส นำเสนอการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างขวางและเปี่ยมเสน่ห์ ช่วยให้นักขับสัมผัสได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์และประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ โดย แมคลาเรน 720เอส คือผลลัพธ์ของการตีความการออกแบบรถยนต์แมคลาเรนใหม่ในทุกรายละเอียด นับตั้งแต่การใช้หลักอากาศพลศาสตร์ในการออกแบบ ไปจนถึงการคิดค้นรูปทรงที่สวยงามของตัวรถที่มีความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า แมคลาเรน 720เอส คือสุดยอดยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์และความโดดเด่นที่สุดของแมคลาเรน

 

   หนึ่งในความแตกต่างของงานดีไซน์ใหม่ของยานยนต์ตระกูลซูเปอร์ซีรี่ส์ คือการตัดช่องลมเข้าของส่วนหม้อน้ำด้านข้างตัวรถออกไป โดยแทนที่การทำงานนี้ด้วยการออกแบบรูปทรงอากาศพลศาสตร์ “ซ้อนชั้น” ในรูปแบบเฉพาะของประตูแบบหมุนขึ้น (Dihedral Doors) ซึ่งจะบังคับให้อากาศไหลผ่านหม้อน้ำที่มีอุณหภูมิสูงและทำให้เครื่องยนต์เย็นลง

 

   เครื่องยนต์M480T รุ่นใหม่ให้กำลัง 720 แรงม้า ซึ่งแรงไม่ต่างจากเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบรุ่น V8 ของแมคลาเรนที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย โดยเครื่องรุ่นนี้เป็นแบบ 4.0 ลิตร ใช้ชิ้นส่วนใหม่ 41% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องขนาด 3.8 ลิตรของยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรี่ส์ของแมคลาเรน ทำให้ แมคลาเรน 720เอส มอบกำลังแรงสูดถึง 720 แรงม้า และแรงบิด 770 นิวตันเมตร

 

   นิว แมคลาเรน 720เอส มอบสมรรถนะที่เหนือชั้นโดยสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 วินาที และอีก 5 วินาทีต่อมาจะเร่งได้เร็วกว่า 200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 341 กม./ชม. สำหรับระบบเบรกสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยสามารถหยุดรถจากความเร็ว 200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) ได้ภายในเวลา 4.6 วินาที ในระยะทางเพียง 117 เมตร นอกจากนี้ เครื่องยนต์ยังเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพอื่นๆอีกมากมายนอกจากความเร็ว เนื่องจากสามารถประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม กินน้ำมันเพียง 10.7 ลิตร/กม. และปล่อยไอเสีย 249 กรัม/กม. ตามมาตรฐานของ New European Driving Cycle (NEDC)

 

   แมคลาเรนคือผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ รถยนต์ทุกรุ่นสำหรับวิ่งบนท้องถนนทุกคันที่ผลิตหลังจากที่แมคลาเรนสร้างรถแข่งฟอร์มูล่า1 ในปี ค.ศ. 1993 ล้วนมีโครงช่วงล่างเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งถูกนำมาใช้ใน นิว แมคลาเรน 720เอส โดยเป็นสถาปัตยกรรมโครงสร้างซึ่งใช้ “ถัง” คาร์บอนไฟเบอร์และโครงสร้างส่วนบนรุ่นใหม่ นั่นคือMcLaren Monocage II เทคโนโลยีนี้ทำให้โครงสร้างน้ำหนักเบามีความแข็งตึงและความคงตัวสูงสุด และเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการสร้างสรรค์รถยนต์ระดับซูเปอร์คาร์ โดยมีการใช้อะลูมิเนียมอัลลอยด์หลายจุดในส่วนโครงช่วงล่าง รวมไปถึงส่วนโครงตัวถังเช่นกัน

 

   ทั้งระบบการควบคุม Proactive Chassis Control รุ่นใหม่ของแมคลาเรน ระบบกันสะเทือนรุ่นใหม่ และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าไฮดรอลิกอันยอดเยี่ยมของแมคลาเรน สามารถทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ การทรงตัว และสมรรถนะถึงขีดสุด พานักขับพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วและแรงเหนือใคร

   การตกแต่งห้องโดยสารภายใน แมคลาเรน 720เอส  มอบความหรูหราด้วยวัสดุหนังแท้ชั้นเลิศและชิ้นส่วนอะลูมิเนียม ซึ่งสอดรับกับอินเตอร์เฟซแสดงผลMcLaren Driver Interface รูปแบบใหม่ ซึ่งมีทั้งจอแสดงผลแบบ Folding Driver Display และCentral Infotainment Screen  นอกจากนี้ ห้องโดยสารยังถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับซูเปอร์คาร์ ทั้งแง่ของวิสัยทัศน์ พื้นที่ใช้สอย และความสะดวกสบาย ซึ่งทำให้ แมคลาเรน 720เอส  คือยานยนต์เพื่อการขับขี่อันไร้ที่ติและครองตำแหน่งซูเปอร์คาร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน